หลายคนอาจเรียกโรครากเน่านี้ว่า ทุเรียนไฟทอปทอร่า มาจากชื่อของเชื้อราไฟทอปทอร่า (Phytophthora) ต้นตอสำคัญที่อาศัยอยู่ในดิน ที่มักทำลายพืชได้รุนแรงจนสามารถตายได้
การสังเกตอาการ
อาการเน่าที่โคนต้น กิ่ง หรือที่ผิวเปลือกของต้นทุเรียน สามารถสังเกตอาการได้จากรอยคราบน้ำที่เกาะติดกับบริเวณต่างๆ มีน้ำเยิ้มออกมาจากเนื้อเยื่อ เปลือกมีการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเข้ม หากอาการลุกลามจะทำให้ใบร่วงและตายได้
ทำลายที่ใบจะเกิดเป็นจุดสีน้ำตาล
ทำลายที่ผลจะเกิดจุดสีน้ำตาลบนผล จะทำให้ผลเน่าและร่วงลงมาจากต้น
ทำลายที่รากต้นทุเรียน ทำให้รากเป็นสีน้ำตาล เมื่อรากเน่ามาก ใบทุเรียนที่อยู่ปลายกิ่งไม้จะมีอาการซีดเหลือง การเจริญเติบโตชะงัก และต่อมาใบเริ่มร่วงที่ส่วนปลายกิ่งของต้น
การแพร่ระบาดในวงกว้าง
เชื้อราไฟทอปทอร่า (Phytophthora) มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดี สปอร์จะงอกและ สร้างเส้นใยเข้าไปในรากพืช สร้างเส้นใยขยายตัวภายในพืช และ ในสภาวะที่ความชื้นสูงและฝนตกชุก จะกระเซ็นเข้าทำลายได้ดีและรวดเร็วกว่า ที่โคนต้น และ กิ่งใหญ่ๆ เห็นเป็นจุดฉ่ำน้ำและมีน้ำเยิ้มออกมาเนื้อเยื่อและเปลือกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ต้นทุเรียนแสดงอาการเหลืองเป็นกิ่งๆ หลังจากนั้นจะแพร่กระจายไปสู่ผล ทำให้ผลเน่า
การรักษาโดยสารฟอสฟอนิก
ผสมสารฟอสฟอนิก แอซิด 40%w/v กับน้ำกลั่นหรือน้ำดื่ม ในอัตราส่วน 1:1 (อัตราใช้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นเนื้อยา 1 ส่วน น้ำกลั่น 2 ส่วน หากต้นทุเรียนอายุ 4-5 ปี หรือ เนื้อยา 2 ส่วน น้ำกลั่น 1 ส่วน หากต้นทุเรียนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
ดูดน้ำยาที่ผสมแล้วใส่หลอดเข็มฉีดยาสำหรับฝังเข็ม 20 ซีซี/เข็ม เตรียมไว้
ใช้สว่านไฟฟ้าใส่ดอกสว่านเบอร์ 7/32 เจาะที่ต้นทุเรียน เอียงทำมุม 45 องศาจากแนวตั้ง ลึกประมาณ 1-1.5 นิ้ว เลือกตำแหน่งเจาะสูงจากพื้นดินอย่างน้อย 30 เซนติเมตร(1 ฟุต)
นำปลอกเข็ม ตอกเข้ารูที่เจาะไว้ ให้แน่นพอควร เหลือปลายปลอกให้โผล่จากต้นเล็กน้อย
นำเข็มฉีดยาที่มีน้ำยาเตรียมไว้ มาดึงก้านเข็มขึ้นเพื่อเพิ่มลมในเข็ม จนถึงระดับประมาณ 40ซีซี
ปักเข็มลงบนปลอก ใช้ฝ่ามือดันเพื่ออัดน้ำยาเข้าต้น นำตะปูมาขัดที่เข็มไว้ ควรฝังเข็มอย่างน้อย 2 เข็ม ในทิศทางตรงข้ามกันเพื่อป้องกันโรคเน่า
หลังจากฝังเข็มได้ 1-2 วัน หากน้ำยาหมดจากเข็ม ให้ถอดเข็มและปลอกออก อุดรูแผลเดือยไม้ เพื่อปิดแผล
Commentaires